ประวัติความเป็นมา
โรงเรียนวัดวิเวกวนาราม ตั้งเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ในระยะแรกสังกัดกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนระดับ ม.ต้น ปัจจุบันสังกัดกองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดสอนระดับ ม.ต้น-ม.ปลาย โรงเรียนตั้งอยู่ ณ วัดวิเวกวนาราม เลขที่ ๑ หมู่ที่ ๘ ถนนสันทราย-พร้าว ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เปิดสอนแผนกสามัญศึกษา แผนกธรรม-บาลี เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม ประจำอำเภอสันทราย และเป็นผลงานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของสำนักงานบริหารงานโครงการพระธรรมจาริกส่วนภูมิภาค วัดศรีโสดา โดยแยกออกมาจากโรงเรียนสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดศรีโสดา โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ เมื่อคณะกรรมการฝ่ายการศึกษาในโครงการพระธรรมจาริก เห็นว่าคณะสงฆ์อำเภอสันทรายและคณะศรัทธาได้ยกวัดวิเวกวนาราม ให้อยู่ในความอุปถัมภ์ของเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ประธานคณะพระธรรมจาริก เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรฯ จึงได้นำนักเรียนชั้น ม.๔ จากโรงเรียนสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ จำนวน ๑ ห้อง มาเปิดทำการเรียนการสอนที่วัดวิเวกวนาราม เพราะเห็นว่ากว้างขวางมีเนื้อที่มากถึง ๒๒๕ ไร่ วัดศรีโสดามีสถานที่คับแคบ พระภิกษุสามเณรอาศัยอยู่มากเกินไป โดยได้เปิดสอนต่อเนื่องถึงปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ในระดับชั้น ม.๔-๖ เมื่อสิ้นปีการศึกษา ๒๕๓๙ ได้ย้ายนักเรียน ม.๔-๖ กลับไปที่วัดศรีโสดา แล้วนำนักเรียน ชั้น ม.๒ อยู่ที่วัดวิเวกวนาราม พอขึ้น ม.๓ ได้ย้ายกลับไปอยู่วัดศรีโสดา พระประสิทธิ์ ปวฑฺฒโก เห็นว่าการย้ายนักเรียนกลับไปกลับมา ทำให้ การบริหารจัดการไม่สะดวก จึงเสนอคณะกรรมการ ฯ ขอจัดตั้งโรงเรียนอีกแห่ง ใช้ชื่อว่า “ โรงเรียนวัดวิเวกวนาราม” ตามชื่อวัด และ ให้อยู่ในความอุปถัมภ์ของโครงการพระธรรมจาริก ซึ่งกรมการศาสนาได้อนุญาตลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๐ ให้ดำเนินการได้ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เปิดสอนในระดับ ชั้น ม.๑-๓ ในปีแรกของการดำเนินการมีนักเรียนจำนวน ๒๐๐ รูป นักเรียนเป็นพระภิกษุสามเณรทั้งหมด พักประจำแบบกินนอนส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขา
สาเหตุที่โรงเรียนวัดวิเวกวนารามมีนักเรียนเป็นชาวเขา เนื่องจากเกี่ยวข้องกับโครงการพระธรรมจาริก โดยเกิดจากแนวความคิดที่จะนำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่แก่ชาวเขา เมื่อครั้งที่นายประสิทธิ์ ดิสวัฒน์ ผู้อำนวยการกองสงเคราะห์ชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย ปัจจุบันคือ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขณะลาราชการอุปสมบทจำพรรษาที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ.๒๕๐๗ และเกิดความคิดว่าหากอาราธนาพระภิกษุสงฆ์นำพระธรรม คำสั่งสอนในพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่แก่ชาวเขาเผ่าต่าง ๆ น่าจะเป็นประโยชน์แก่ทางราชการอย่างมากต่อการพัฒนาจิตใจชาวเขา จึงปรึกษากับพระศรีวิสุทธิวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และพระธรรมกิตติโสภณ (ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระพุทธชินวงศ์) เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพตรดุสิตวนาราม เพื่อพิจารณาในขั้นทดลอง ต่อมาเมื่อฝ่ายคณะสงฆ์และกรมประชาสงเคราะห์ เห็นชอบร่วมกันแล้ว ในปี ๒๕๐๘ จึงเริ่มโครงการนำร่องทดลองส่งพระสงฆ์รุ่นแรก ๕๐ รูป เรียกคณะสงฆ์ดังกล่าวว่า “นชอบ็พระธรรมจาริก” ขึ้นไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ชาวเขาและสร้างสัมพันธ์ทางด้านจิตใจ ตามหมู่บ้านชาวเขา จำนวน ๑๐ หมู่บ้าน ๆ ละ ๕ รูป ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก และเพชรบูรณ์ เป็นเวลา ๔๕ วัน ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ๒๕๐๘ ผลทำให้ชาวเขาได้รู้จักพระพุทธศาสนา เกิดความเลื่อมใสศรัทธาแสดงตนเป็นพุทธมามกะประมาณ ๘๐๐ คน ส่งบุตรหลานเข้าบรรพชาเป็นสามเณร ๑๒ รูป นับเป็นนิมิตหมายอันดีที่พระพุทธศาสนาได้มีการแผ่ขยายไปสู่ชาวเขาที่อาศัยในถิ่นกันดาร ในการดำเนินการครั้งนี้ได้รับการอุปถัมภ์จาก กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย มูลนิธิเอเชีย รวมทั้งภาคเอกชนอื่น ๆ
โครงการนำร่องเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ชาวเขา ๖ เผ่า ได้แก่ กะเหรี่ยง แม้ว เย้า อีก้อ ลีซอ และลาหู่ ต่อมาคือโครงการพระธรรมจาริกครั้งนี้ ถือได้ว่าประสบผลสำเร็จในระดับที่คาดไม่ถึงว่าชาวเขาซึ่งปกติแต่ละเผ่า จะมีคติความเชื่อตามจารีตประเพณีที่แตกต่างหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแตกต่างไปจากคติความเชื่อทางพระพุทธศาสนาจนเกิดปรากฏการณ์เป็นรูปธรรม มีธรรมเนียมปฏิบัติเยี่ยงชาวพุทธทั่วไป เช่น การเคารพนับถือพระสงฆ์ การกราบไหว้ การทำบุญตักบาตร การปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ การส่งบุตรหลานเข้ารับการบรรพชาอุปสมบทเป็นภิกษุสามเณร รวมทั้งความต้องการให้พระสงฆ์อยู่ในชุมชนของตนเอง โดยโครงการพระธรรมจาริก ได้ตั้งสำนักงานส่วนกลางขึ้นที่วัดเบญจมบพิตรฯ กรุงเทพ ฯ และสำนักงานบริหารงานส่วนภูมิภาค ที่ วัดศรีโสดา ตำบลสุเทพ อำเภอดเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีการส่งพระสงฆ์อาสาสมัครที่เรียกว่า “พระธรรมจาริก” ไปปฏิบัติศาสนกิจในหมู่บ้านชาวเขาทั่วภาคเหนือ ชาวเขาเกิดศรัทธา ส่งบุตรหลานให้พระธรรมจาริกนำมาบรรพชาอุปสมบท พักจำพรรษาอยู่ที่วัดศรีโสดา ในปีต่อๆมาสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ได้ดำริให้นำชาวเขาเดินทางไปประกอบพิธีบรรพชาอุปสมบทที่วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพ ฯ เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาในกรุงเทพได้ร่วมบริจาคอุปถัมภ์การดำเนินงานโครงการ แล้วเดินทางกลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดศรีโสดา พระภิกษุสามเณรชาวเขา มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี วัดศรีโสดา จึงได้จัดตั้งโรงเรียนผู้ใหญ่ชาวเขาขึ้น เปิดสอนตามหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียน การต่อมาปรากฏว่ามีพระภิกษุสามเณรมาบวชเรียนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้ขอจัดตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาขึ้น ชื่อว่า “ โรงเรียนสมเด็จพระพุทธชินวงศ์” ตามราชทินนามผู้ให้กำเนิดโครงการพระธรรมจาริก แต่ยังมีผู้ขอบวชเรียนแต่ละปีมากเช่นเดิม ที่พักและอาคารเรียนไม่เพียงพอ จึงได้นำนักเรียน ชั้น ม. ๔ มาเปิดการเรียนการสอนที่วัดวิเวกวนาราม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗ แต่ขึ้นกับโรงเรียนสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดศรีโสดา ต่อมาได้ตั้งโรงเรียนวัดวิเวกวนารามขึ้นในที่สุด โดยมีพระธรรมจาริก นำบุตรหลานชาวเขามาสมัครเข้าเรียนเป็นประจำทุกปี
ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ โรงเรียนวัดวิเวกวนาราม ได้ย้ายสังกัดจากกรมการศาสนา มาสังกัดกองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตามการปฏิรูประบบราชการของรัฐบาล
ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ โรงเรียนวัดวิเวกวนาราม ได้ขออนุญาตขยายชั้นเรียน จาก ม.ต้น(ม.๑-๓) เป็นระดับ ม. ปลาย (ม.๔-๖)